เสี่ยหนูย้ำปลดคลายล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวให้ใช้ชีวิตแบบNew Normal

“รมว.สธ.” การประกาศคลายล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว ของรัฐบาล นำมาซึ่งความอุ่นใจและถือเป็น “ของขวัญ” ชิ้นสำคัญที่ให้กับประชาชน ในยามที่ยังรู้สึกหวาดวิตกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อสังคมกลับมามีชีวิตชีวา การเดินทางและกิจวัตรประจำวันกลับสู่ความปกติใหม่ (New Normal) การพบปะพูดคุยเพื่อร่วมกันกระทำการในสิ่งที่ดีๆ จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มมาได้ 2วัน ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่ คณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้ประชุมร่วมกันเป็นนัดแรกของปี 2563

นายอนุทิน กล่าวขอบคุณทุกคนที่เสียสละตัวเองมาทำงานเพื่อส่วนรวม โดยเฉพาะการใช้กลไกสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนของสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ หรือแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ฉะนั้น พร้อมสนับสนุนในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกลไกและกระบวนการดังกล่าว และย้ำด้วยว่า ทุกคนคงต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal ไปจนกว่าจะมีการผลิตวัคซีนสำเร็จ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ การสวมหน้ากากอนามัย และมองว่าการเดินหน้าไปสู่ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 เป็นศูนย์นั้น คงไม่ใช่เป้าหมาย แต่เราต้องคัดกรองให้ได้มากที่สุด จะเจอผู้ป่วยกี่คนก็ได้แต่ต้องรักษาเขาให้หาย

“โควิดทำให้เราพิสูจน์แล้วว่า รากฐานด้านสาธารณสุขของประเทศไทยดีมาก การเฝ้าระวัง คัดกรอง ให้บริการ รักษา การเข้าถึง การเตรียมพร้อม เราไม่แพ้ประเทศใดแน่นอน จะขาดอยู่ก็คือ เรื่องการศึกษาวิจัย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรประมาณ 4.5 หมื่นล้าน เบื้องต้น ผมได้อนุมัติให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นจำนวนหลายพันล้าน เพื่อเสริมศักยภาพ พัฒนา และสร้างอำนาจการต่อรองให้ประเทศไทย” รองนายกรัฐมนตรี ระบุ

สำหรับวาระสำคัญของการประชุม คมส. ครั้งนี้ มีการพิจารณาแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการ” ที่อยู่ภายใต้ คมส. จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย 1. คณะอนุกรรมการฯ ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสาธารณสุข มี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ เป็นประธาน และ 2. คณะอนุกรรมการฯ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสังคมและสุขภาวะ มี นางทิพย์รัตน์ นพลดารมย์ เป็นประธาน

นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ

ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความขอบคุณคณะกรรมการทุกท่าน จากนั้น ผศ.วีระศักดิ์ พุทธาศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้นำเสนอถึง “แผนการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปี 2563-2564” เพื่อใช้เป็น “เช็คลิสต์” ให้คณะอนุกรรมการฯ ทั้งสองชุดวางแผนการขับเคลื่อนมติ-กลุ่มมติ ต่อไป

ส่วนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่ต้องดำเนินการในปี 2563-2564 นั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่ถูกกำหนดให้รายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนฯ ในที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 และครั้งที่ 14 (ปี 2563-2564) รวมถึงมติที่เป็น Flagship ขององค์กร และ 2. กลุ่มที่มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง (On-going)

นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ อธิบายว่า คมส. ได้ใช้ “การสานพลังความร่วมมือ” เป็นยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนมติ ประกอบด้วย “DENMarKSII” อันได้แก่ การสร้างตัวอย่าง การหนุนเสริมการทำงาน การสร้างเครือข่าย การสร้างแรงจูงใจ การจัดการความรู้ การสื่อสารสังคม การใช้ระบบข้อมูล และการบูรณาการข้ามหน่วยงาน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบความคืบหน้าการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 และความคืบหน้าการขับเคลื่อนฯ มติ 11.2 ความรับผิดชอบร่วมทางสังคมเกี่ยวกับอีสปอร์ตต่อสุขภาวะเด็ก รวมถึงการเตรียมความพร้อมจัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ในช่วงวันที่ 16 – 18 ธันวาคม ปลายปีนี้ด้วย

นางอรพรรณ ศรีสุขวัฒนา รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้ฉายภาพรูปธรรมของกระบวนการมีส่วนร่วมและดอกผลของกระบวนการสมัชชาฯ ผ่านการขับเคลื่อน “ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ฯ” ทั้งมิติความร่วมมือระหว่างฆราวาสและคณะสงฆ์ การดำเนินงานภายใต้กรอบธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ อาทิ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลพระสงฆ์ เพื่อการเข้าถึงสิทธิในการรับบริการสุขภาพ การตรวจคัดกรองสุขภาพพระสงฆ์ในวัดทุกรูป การอบรมพระคิลานุปัฏฐาก การสนับสนุนให้เกิดวัดส่งเสริมสุขภาพ และวัดร่วมพัฒนาชุมชนคุณธรรม ตามโครงการชุมชนคุณธรรมขับเคลื่อนด้วยพลัง “บวร”