เปิดตำนาน “5 กำนันมาเฟียเมืองไทย” ถอดบทเรียนใหญ่แค่ไหน ก็ไม่ใหญ่ไปกว่าโลงศพ!!

Must Read

จากเหตุอุกอาจสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ เมื่อกำนันดังนครปฐมสั่งมือปืนลูกน้อง ยิงสารวัตรทางหลวงมือดีของวงการตำรวจจนเสียชีวิต นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ถึงจุดตกต่ำเลวร้ายของวงการสีกากี ที่เผชิญแต่เรื่องทุจริตประพฤติมิชอบจนอื้อฉาวไปทั้งวงการ ส่งผลกระทบต่อตำรวจดีๆ และภาพลักษณ์ของตำรวจไทยอย่างร้ายแรง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้ผู้คนได้ตระหนักว่าการใช้อำนาจในทางมิชอบด้วยการสั่งสม “อิทธิพลของผู้นำท้องถิ่น” เพื่อก้าวสู่วงการเจ้าพ่อ-มาเฟีย-ผู้มีอิทธิพล ไม่เคยหมดไปจากเมืองไทยเลยตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้

“ทีมข่าวมหาชน” พาไปเปิดตำนาน “5 กำนันดัง” ที่ได้ชื่อว่าเป็นระดับเจ้าพ่อหรือมาเฟียใหญ่ของเมืองไทย ซึ่งแต่ละคนล้วนสร้างอิทธิพลเป็นที่สั่นสะเทือนตั้งแต่ระดับการเมืองท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศในยุคหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วทุกคนล้วนมีจุดจบที่ไม่ได้สวยงามหรือน่าจดจำแต่อย่างใด รายงานนี้นำเสนอเพื่อให้สังคมได้เรียนรู้และถอดบทเรียนเพื่อกระตุกเตือนว่า “เบื้องหลังอำนาจย่อมมีอาชญากรรม” และอำนาจไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืนแต่อย่างใด

  1. กำนันเป๊าะ เจ้าพ่อเมืองชล

ได้ชื่อว่าเป็นกำนันดังแห่งยุค 80 คนทั้งประเทศไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ กำนันเป๊าะมีชื่อจริงว่า “สมชาย คุณปลื้ม” เป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านตำบลแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี เรียนจบประถม 4 ก็ออกมาทำงานหลากหลายตั้งแต่กระเป๋ารถสองแถวไปยันชาวประมง จนมาประสบความสำเร็จกับการทำบ่อลูกรัง ได้ต่อยอดไปสู่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก่อนจะขยายไปธุรกิจอื่นๆ ทั้งโรงแรม รีสอร์ต พัฒนาที่ดิน ผลิตสุรา ขยายกิจการไปครอบคลุมเกือบทุกกิจการในท้องที่บางแสนและพัทยา ไปจนถึงวงการบันเทิงอย่างการสร้างภาพยนตร์ กำนันเป๊าะจึงรู้จักคนมากมายแทบทุกวงการ ได้ชื่อว่าเป็นผู้กว้างขวางที่ทรงอิทธิพลแห่งภาคตะวันออก จนมีฉายาว่า “เจ้าพ่อเมืองชล” เขายังสนับสนุนลูกชายทั้ง 4 คนเข้าสู่แวดวงการเมืองท้องถิ่นภาคตะวันออกไปจนถึงระดับประเทศ ส่วนลูกสาวคุมธุรกิจโรงแรมและอสังหา โดยลูกชายได้เป็นรัฐมนตรีถึง 2 คนคือ นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และ นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในรัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งขณะนี้หลบหนีคดีทุจริตออกใบอนุญาตสร้างโครงการรุกที่สาธารณะ ออกนอกประเทศไปแล้ว

นอกจากนี้กำนันเป๊าะยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนนักการเมืองจากภาคตะวันออกหลายคน แต่เส้นทางเจ้าพ่อก็นำไปสู่คดีต่างๆ ทั้งคดีทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว ที่ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 4 เดือน และถูกยึดทรัพย์ และคดีจ้างวานฆ่า นายประยูร สิทธิโชติ หรือ “กำนันยูร” ที่ถูกตัดสินจำคุก 25 ปี เมื่อปี 2550 แต่กำนันได้หลบหนีคดีไปนานถึง 6 ปี ก่อนมาถูกตำรวจจับได้ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 ขณะกำลังเดินทางมารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ โดยใช้ชื่อปลอมว่า “กิม แซ่ตั้ง” ภายหลังถูกจับกุม กำนันเป๊าะถูกควบคุมตัวไปที่กองปราบ ต่อมาศาลอาญาออกหมายจำคุกโดยนับรวมคดีจ้างวานฆ่ากับโทษในคดีที่ดินเขาไม้แก้ว รวมเป็นจำคุกทั้งสิ้น 30 ปี 4 เดือน จนมาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ปอด เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2562 ณ โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี เวลา 03.00 น. ปิดฉากชีวิตเจ้าพ่อเมืองชลในวัย 82 ปี

2. กำนันยูร เจ้าพ่ออ่างศิลา

กำนันผู้มีอิทธิพลแห่งตะวันออก คู่ปรับตัวเอ้ของกำนันเป๊าะ เรื่องราวมหากาพย์ความบาดหมางของสองกำนันตระกูลดังมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่ต่างล้างแค้นกันไปมาจนสะท้านสะเทือนไปทั้งจังหวัด “กำนันยูร” หรือ ประยูร  สิทธิโชติ อดีตกำนันต.เสม็ด ถูกเรียกขานกันในนาม “เจ้าพ่ออ่างศิลา” ผู้กว้างขวาง พี่น้องลูกหลานของกำนันยูรหลายคนเจริญรอยตามในสายนักเลง อย่าง “ผู้ใหญ่อ้น” นายเลิศชาย การะกิจ และ “โย” นายโยธิน สิทธิโชติ (ลูกชายของ “ยุทธเป๋” หรือ ประยุทธ สิทธิโชติ นักเลงดังอ่างศิลา ผู้เป็นน้องชายของกำนันยูร) ทั้งสองคนเป็นหลานลุงของกำนันยูร ผู้สืบทอดความแค้นระหว่างสองเจ้าพ่อ จนมีการชำระแค้นกันราวกับหนังเจ้าพ่อฮ่องกงที่ต่างฝ่ายต่างตายตกไปตามกันทีละคนๆ

เริ่มจากที่นายตำรวจนักเลงเมืองชล-คนสนิทมือขวาของกำนันเป๊าะอย่าง พ.ต.ท.ไชยันต์ วิชัยดิษฐ ไปเกี่ยวพันกับการอุ้มฆ่า “ยุทธเป๋” น้องชายกำนันยูร และเป็นพ่อของนายโยธิน พร้อมกับ “เสือเนียร” ปัญญา ฮุ้ยเวง มือปืนคนสนิทของกำนันยูร เมื่อปี 2543 ทั้งสองถูกอุ้มหายไปจากสถานเริงรมย์ดังของบางแสน มูลเหตุคาดว่ามาจากปมขัดแย้งในธุรกิจสีเทา(บุหรี่-สุราเถื่อน) ต่อมาผู้ใหญ่อ้นเลยไปประมูลงานก่อสร้างแข่งกับฝั่งกำนันเป๊าะที่มี พ.ต.ท.ไชยันต์เป็นคนออกหน้า ความแค้นเก่าเป็นชนวนให้นายโยพาผู้ใหญ่อ้นไปดักยิง พ.ต.ท.ไชยันต์ ที่หน้าผับใกล้กับ ม.บูรพา บางแสน จนมือขวากำนันเป๊าะสิ้นชีพคาที่ เมื่อปี 2545

ผู้ใหญ่อ้นถูกจับติดคุก(หลังพ้นโทษเขาออกจากวงการนักเลงและเสียชีวิตจากหัวใจวายเมื่อปี 2565) ส่วนนายโยหนีคดีลงใต้ก่อนถูกจับเมื่อปี 2550 “กำนันยูร” ต้องเก็บตัวอยู่นานถึง 7 เดือนด้วยรู้มาว่ากำนันเป๊าะติดต่อซุ้มมือปืนหลายชุดตามเก็บ ซึ่งเขารอดมาได้ถึง 4 หน แต่ในที่สุดครั้งที่ 5 เขาก็ไม่รอด เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2546 คนร้ายจ่อยิงกำนันยูรกลางงานแต่งงานลูกสาวคหบดีใหญ่ของเมืองชลที่สนิทสนมและนับถือกันมากจนทำให้เสือต้องออกจากถ้ำมาพบจุดจบ เหตุเกิดที่ ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ที่เหลือเชื่อก็คือ ขณะที่ถูกมือปืนยิง กำนันยูรนั่งอยู่ที่โต๊ะจีนวีไอพี ซึ่งมีแขกวีไอพีนั่งกันเต็มรวมถึง ส.ส.วิทยา คุณปลื้ม ลูกชายของกำนันเป๊าะก็นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย!! และกระสุนปืนที่ยิงหัวกำนันยูรยังถากมาเฉี่ยวแขนของ ส.ส.วิทยา รวมถึงเลือดที่กระเซ็นมาใส่ ส.ส.วิทยา ด้วย ครั้งนั้นลูกชายกำนันเป๊าะจึงกลายเป็นพยานปากเอกคนหนึ่งในเหตุการณ์ และสุดท้าย “ผู้จ้างวาน” ฆ่ากำนันยูรก็ถูกจับ แต่กว่ากำนันเป๊าะจะถูกจับได้ก็นานนับสิบปีเลยทีเดียว

3. กำนันย้ง เจ้าพ่อบ่อทอง

50 กว่าปีก่อนเป็นยุคที่การทำเหมืองแร่บูมสุดขีด ในเขตตำบลบ่อทอง จ.ชลบุรี เป็นแหล่งแร่พลวง ที่ใครๆ ต่างหมายปอง จนมีบริษัทเอกชนเข้ามาขอรับทำสัมปทานจากกรมทรัพยากรธรณี แต่ชาวบ้านบ่อทองไม่ยอม จึงรวมตัวกันก่อตั้ง “บริษัทสหบ่อทองพัฒนา” ขึ้นเพื่อรับซื้อแร่จากชาวบ้านโดยตรง และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารบริษัทขึ้นมาควบคุมดูแลกิจการ นั่นคือที่มาของ “ตำนานเลือดแร่พลวง” ที่ความโลภทำให้คนเข่นฆ่ากันง่ายดาย ประกอบกับยุคนั้นภาคตะวันออกได้ชื่อว่าเป็น “อาณาจักรซุ้มมือปืน” เป็นทั้งแหล่งรวมมือปืนและอาวุธสงครามที่หาซื้อได้ง่าย ดังนั้นเมื่อมีการขัดผลประโยชน์กันในธุรกิจเหมืองแร่พลวง ก็มักมีการจ้างฆ่าแบบโหดสุดๆ โดยถล่มกันด้วยอาวุธสงคราม

“กำนันเป๊าะ” ในงานรดน้ำศพ “กำนันย้ง”

ความขัดแย้งเริ่มคุกรุ่นมาตั้งแต่ปี 2523 สมัยที่กำนันย้งยังเป็น “ผู้ใหญ่ย้ง” หรือ สุชาติ สุขพันธ์ถาวร ซึ่งก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสหบ่อทองพัฒนา เช่นเดียวกับ “ผู้ใหญ่เอี๊ยก” เฉลิมชัย เจริญสุข ทั้งสองเกิดขัดผลประโยชน์ในการรับซื้อแร่พลวงอย่างรุนแรง ประกอบกับกำลังมีการเลือกตั้งชิงตำแหน่งกำนันตำบลบ่อทอง ซึ่งทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็มี “ขาใหญ่” เป็นแบคอัพ โดยฝ่ายผู้ใหญ่ย้งมี “เสี่ยจิว” จุมพล สุขภารังสี ผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออกที่ยุคนั้นถือเป็นเจ้าพ่อเบอร์ 1 ของเมืองชลมาเป็นแบคอัพ ในที่สุดกรรมการบริษัทฝ่ายผู้ใหญ่เอี๊ยกก็ถูกมือปืนเก็บไปทีละคน จนถึงตัวผู้ใหญ่เอี๊ยกที่ถูกกราดยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม-16 จนกลายเป็นอัมพาต และหนึ่งในมือปืนที่ลอบยิงเขาก็คือ มือปืนประจำตัวของลูกชายเสี่ยจิวนั่นเอง

พิธีศพกำนันย้ง

แต่ในปีถัดมาเสี่ยจิว เจ้าพ่อตะวันออก ก็ถูกกลุ่มมือปืนใช้อาวุธสงครามนานาชนิดถล่มจนเสียชีวิตในรถเบนซ์ ปิดบัญชีเจ้าพ่อเบอร์ 1 ไปอย่างถาวร และชื่อของ “กำนันเป๊าะ” ก็ขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อภาคตะวันออกคนใหม่แทนที่ พร้อมผลักดันผู้ใหญ่ย้งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “กำนันตำบลบ่อทอง” ควบคุมพื้นที่บ่อทองและธุรกิจเหมืองแร่พลวงอย่างเต็มตัว หลังจากนั้นก็มีการชิงอำนาจ ขัดผลประโยชน์ธุรกิจ หักหลังกัน และกำนันย้งเองก็ถูกลอบยิงมาหลายครั้งแต่ก็รอดมาได้ จนมาถึงในเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2538 ขณะที่ กำนันย้ง…เจ้าพ่อบ่อทองผู้มากบารมี ขับรถไปดูการประมูลงานเพียงลำพังอย่างชะล่าใจ ได้ถูกคนร้ายดักถล่มด้วยอาวุธสงครามเอ็ม 16 และลูกซองจนร่างพรุนสิ้นใจคารถรถกระบะ…ปิดตำนานเจ้าพ่อบ่อทองไปอย่างน่าสยดสยองอีกคน

4. กำนันนั้ม เจ้าพ่อนครปฐม

กำนันนั้ม นครปฐม” หรือนายวีรศักดิ์ จุลนิพิฐวงษ์ กำนันชื่อกระฉ่อนแห่งตำบลธรรมศาลา จ.นครปฐม ผู้กว้างขวางและเป็นนักพนันตัวยง มีสมุนเป็นมือปืนมากหน้าหลายตา จนถูกขึ้นบัญชีสั่งเก็บ ทั้งยังมาโลดแล่นอยู่ในวงการหนังไทย เป็นทั้งผู้อำนวยการสร้างและจัดจำหน่ายวีดีโอในยุคเฟื่องฟู แต่มามีชื่อพัวพันกับการลอบสังหาร “เกียรติ เอี่ยมพึ่งพร” เจ้าของค่ายไฟว์สตาร์ แม้คดีนี้จะสาวไม่ถึงตัวกำนันนั้มเพราะเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลรายอื่นด้วย แต่ก็ทำให้เขาต้องหลบลี้หนีการจับตามองทั้งศัตรูคู่อริและจากเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะถูกขึ้นบัญชีดำจากนายตำรวจมือปราบตี๋ใหญ่คนดังอย่าง “พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์” ทำให้กำนันดังต้องระเห็จไปทำธุรกิจและสร้างเครือข่ายอิทธิพลถึงเชียงใหม่

“กำนันนั้ม นครปฐม” เมื่อครั้งถูกยิงถล่มโดยนักเลงบ่อนคู่อริ

ที่นั่นกลายเป็นแหล่งสร้างเงินมหาศาล กำนันนั้มยังเป็นขาใหญ่ของบ่อนพนันที่เชียงใหม่ด้วย เขาเริ่มบุกธุรกิจโรงหนังหลายโรงโดยใช้วิธีเช่าหลายๆ โรงหนังมาอยู่ในเครือ จนสามารถกุมทิศทางของโรงหนังในเชียงใหม่ได้ในยุคนั้นเช่น โรงหนังแสงตะวัน, ฟ้าธานี, มหานคร, โชตนา  และยังขยายเครือข่ายธุรกิจบันเทิงในเชียงใหม่ไปอีกหลายแห่ง ต่อมากำนันนั้มเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มธุรกิจโครงการศูนย์การค้ากาดสวนแก้ว ที่มีผู้กำกับดังมือรางวัลอย่าง “เพิ่มพล เชยอรุณ” เป็นคนกุมโปรเจคใหญ่ของกาดสวนแก้วให้เป็นคอมเพล็กซ์ที่มีโรงหนังทันสมัยแห่งแรกของเชียงใหม่ จึงเหมือนการไปขัดผลประโยชน์กำนันนั้มเข้า

ค่ำวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534 ขณะนายเพิ่มพล เชยอรุณ ผกก.ชื่อดังกำลังขึ้นรถส่วนตัวหน้าออฟฟิศกาดสวนแก้ว เขาถูกมือปืนบุกยิงหลายนัดจนเสียชีวิตคารถ กลายเป็นข่าวดังสะเทือนวงการในยุคนั้น!

‘เพิ่มพล เชยอรุณ’ ผู้กำกับมือรางวัลของวงการภาพยนตร์ไทยยุค 70

จากเหตุการณ์ลอบยิงผกก.ดังนี่เองที่ถูกโยงมาเกี่ยวพันกับกำนันนั้ม โดยทีมสืบสวนพบว่ามือปืนมีความเชื่อมโยงกับลูกสมุนคนสนิทของกำนันนั้ม นครปฐม ผู้ลั่นไกก็เป็นมือปืนที่มาจากนครปฐมนั่นเอง แต่ภายหลังพยานปากเอกที่จะสาวถึงผู้บงการกลับหายสาบสูญ!? หลังการตายของผกก.ดัง กำนันนั้มก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในแวดวงนักเลง-บ่อนการพนัน-ธุรกิจภาพยนตร์ และถูกหมายหัวเอาชีวิตจากคู่อริมากมาย จนโดนลอบฆ่าด้วยอาวุธสงครามกลางเมืองเชียงใหม่เฉียดตายไปจนถึงขั้นสาหัสนอนไอซียูมาแล้วหลายครั้ง เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงระแวดระวังตัวตลอดเวลา

แม้ตอนนอนรักษาตัวในรพ.กำนันนั้มก็ไม่ยอมกินอาหารของรพ.เพราะกลัวถูกวางยา ต้องให้ที่บ้านทำมาส่งเท่านั้น จะเดินทางไปไหนก็มีแต่สมุนมือปืนคอยล้อมหน้าหลังเสมอ เขารอดตายมาได้จนถึงปี 2542 ก็ถึงคราวปิดฉากชีวิตมาเฟีย-เจ้าพ่อ ด้วยอาการเส้นเลือดหัวใจตีบที่รุมเร้ามาหลายปีในที่สุด

5. กำนันเซี๊ยะ เจ้าพ่อแห่งภาคตะวันตก

นายประชา โพธิพิพิธ หรือ “กำนันเซี๊ยะ”เจ้าพ่อแห่งภาคตะวันตกฉายา “พยัคฆ์ประจิม” เป็นคน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี แต่เดิมเป็นเกษตรกรที่ปลูกไร่อ้อย เขาและภรรยาเป็นเจ้าของเขมประชาฟาร์ม เนื้อที่กว่า 2 พันไร่ ที่ ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย กาญจนบุรี

กำนันเซี๊ยะและซ้อเขม ภรรยา

ก่อนหน้าจะเป็นขาใหญ่เมืองกาญจน์ เขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต.ท่าเรือ อยู่ 4 ปีต่อมาจึงได้รับเลือกเป็น กำนัน ต.ท่าเรือพระแท่น ในปี 2534 และได้เป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าเรือพระแท่น ปี 2538 จากนั้น “กำนันเซี๊ยะ” ก็ก้าวสู่สนามการเมืองระดับชาติ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 กาญจนบุรี ตามคำชักชวนของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และชนะเลือกตั้ง ก่อนจะมาพ่ายแพ้ พล.ต.ศรชัย มนตริวัต จากพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งปี 2544 และ กกต. มีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของกำนันเซี๊ยะสิ้นสุดลง เนื่องจากมีการร้องเรียนว่าซื้อเสียงในการเลือกตั้ง

ในปี 2559 เขาถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก เป็นเวลา 5 ปี ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ , กรรโชกทรัพย์ , หน่วงเหนี่ยวกักขัง ในคดีฮั้วประมูล ต่อมาถูกตัดสินอีกคดีคือ บุกรุกที่ดินราชพัสดุ 1 พันกว่าไร่ ศาลฎีกาลดโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน และในปี 2562 กำนันเซี๊ยะก็ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 10 ปี ปัจจุบัน กำนันเซี๊ยะ และซ้อเขม ภรรยา ยังคงหลบหนีคดีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

 

 

 

Latest News

ไหนว่าไม่มี? “ภูมิธรรม”ยันไม่มีวาระเด้งอธิบดีDSI สุดท้ายที่ประชุมครม.เคาะย้ายไปนั่งรองปลัดยธ.

ไหนว่าเรื่องนี้ไม่เข้าที่ประชุมครม.? กรณีเด้งอธิบดี DSI ล่าสุดที่ประชุมเคาะให้ "สุริยา" ไปนั่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม สวนทาง "รองนายกฯภูมิธรรม" ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ชาวเน็ตเทน้ำหนักเด้งย้ายไปที่การจับหมูเถื่อน  คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโยกย้าย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามที่ พ.ต.อ.ทวี...

เรื่องที่เกี่ยวข้อง