ดันกฎหมายอากาศสะอาดเป็นสิทธิพื้นฐานของชีวิต เตรียมขยายสภาลมหายใจครอบคลุม 17 จังหวัดทั่วประเทศ

สสส.ผนึก 9 ภาคีสภาลมหายใจภาคเหนือ แก้ปัญหา PM2.5 ก่อนฤดูฝุ่นควัน ปี 65 มาเยือน มุ่งติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศทุกตำบลใน 8 จังหวัด หนุนมาตรการไม่เผาภาคเกษตร-แนวกันไฟชุมชน-ฝุ่นควันข้ามแดน ดัน กฎหมายอากาศสะอาดเป็นสิทธิพื้นฐานของชีวิต เตรียมขยายสภาลมหายใจครอบคลุม 17 จังหวัดทั่วประเทศ

ที่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จ.เชียงใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ 9 ภาคีสภาลมหายใจภาคเหนือ ได้แก่ สภาลมหายใจภาคเหนือ สภาลมหายใจเชียงราย สภาลมหายใจเชียงใหม่ สภาลมหายใจน่าน สภาลมหายใจพะเยา สภาลมหายใจแพร่ สภาลมหายใจแม่ฮ่องสอน สภาลมหายใจลำปาง และสภาลมหายใจลำพูน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศภาคเหนือ โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เพื่อผลักดันข้อเสนอการป้องกันและแก้ปัญหาก่อนฤดูฝุ่นควันรอบใหม่ ปี 2565 เพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม ก่อให้เกิดความร่วมมือและเปลี่ยนแปลงค่านิยมในระดับภูมิภาค

โดย นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 สสส. กล่าวในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศภาคเหนือว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 ถือเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนมาอย่างยาวนาน และคาดว่าปี 2565 จะรุนแรงกว่าทุกปี เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ประกอบกับการเผาในพื้นที่การเกษตร และฝุ่นควันที่ข้ามแดนเข้ามาทางภาคเหนือของประเทศ สสส. เห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น จึงร่วมสานพลังกับภาคเอกชน ภาคการแพทย์สาธารณสุข ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม ขับเคลื่อนการทำงานตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับนโยบายเพื่อเร่งแก้ไขปัญหา มุ่งลดปัญหามลพิษทางอากาศภาคเหนือและระดับภูมิภาค

นายชาญเชาวน์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนสภาลมหายใจภาคเหนือ 9 หน่วยงาน ร่วมสานพลังความร่วมมือสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นควันในเขตภาคเหนือแก่กลุ่มเด็กและเยาวชน และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ภาคเหนือ โดยการพัฒนากลไกการมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันเชิงบูรณาการในระดับภูมิภาค ทั้งการควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตร และการจัดการแนวกันไฟให้ชุมชน รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมมาแก้ไขปัญหา เช่น พัฒนาเครื่องวัดคุณภาพอากาศเพื่อนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งลดความรุนแรงและผลกระทบต่อสุขภาพที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือก่อนฤดูฝุ่นควันจะมาถึงในช่วงต้นปี 2565 โดยมีเป้าหมายขยายเครือข่ายสภาลมหายใจเพิ่มอีก 9 จังหวัด รวมเป็น 17 จังหวัดทั่วประเทศ

นายชัชวาล ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า สภาลมหายใจ 9 หน่วยงานภาคเหนือ พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาก่อนฤดูฝุ่นควันรอบใหม่ ปี 2565 รวม 8 ข้อ ดังนี้ 1.ติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพให้ครอบคลุมทุกตำบลใน 8 จังหวัดภาคเหนือ 2.สร้างเวทีการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี 3.ใช้มาตรการเชิงรุกเปลี่ยนการเผาภาคเกษตรให้เป็นวิธีการอื่น 4.จัดการไฟป่าชุมชนและท้องถิ่น โดยกำหนดมาตรการระดับพื้นที่ และสร้างพื้นที่ต้นแบบทุกจังหวัดในภาคเหนือ 5.พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในทุกจังหวัดอย่างทั่วถึง เท่าเทียม 6.แก้ไขปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนเชิงรุก ที่เกิดจากพื้นที่เกษตรอุตสาหกรรม 7.ส่งเสริม พ.ร.บ.อากาศสะอาด ผลักดันสิทธิเข้าถึงอากาศสะอาดของประชาชนตามกฎหมาย และ 8.รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ชุมชนต่อเนื่องตลอดทั้งปี พร้อมเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพเป็นสาธารณะ หากทำได้สำเร็จ จะเป็นแนวทางที่จะเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนภาคเหนือให้มีทักษะรู้ทันภัยฝุ่นควัน PM2.5 พร้อมปรับเปลี่ยนค่านิยมในการเผาภาคการเกษตร ควบคู่ไปกับการลดปัญหามลพิษทางอากาศในประเทศไทยที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน