ความเสี่ยงที่ไม่อาจคาดคิด วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Global Times หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์รายวัน ภายใต้การอุปถัมภ์ของ People’s Daily หนังสือพิมพ์เรือธงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ตีพิมพ์บทความอธิบาย “นโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหวของจีน” ว่า การแพร่ระบาดเชื้อโควิดของจีนในเมืองเซี่ยงไฮ้และเมืองปักกิ่ง และการล็อกดาวน์ช่วงเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนจะทำให้ประเทศตะวันตกร่วมกันตำหนินโยบาย “โควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหว” ของจีน มีการปล่อยข่าวปลอมและบิดเบือนนโยบายดังกล่าวโดยมีจุดประสงค์ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งประเทศตะวันตกใช้คำว่า “โควิดเป็นศูนย์แบบเด็ดขาด” มาอธิบายนโยบายป้องกันโควิดของจีน โดยไม่เข้าใจความหมายของนโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหวอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ นโยบายของจีนไม่ได้ซับซ้อน สรุปอย่างง่าย คือ “รีบตรวจพบ รีบรายงาน รีบกักตัว รีบรักษา” สาระสำคัญของนโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหวก็คือรีบตรวจพบผู้ติดเชื้อ รีบใช้มาตรการตัดเส้นทางการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ลดผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจให้มากที่สุด โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิดของเซี่ยงไฮ้เกิดจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวไม่เคร่งครัด ถ้าเมืองเซี่ยงไฮ้สามารถปฏิบัตินโยบายอย่างเคร่งครัด เซี่ยงไฮ้ก็สามารถทำได้เหมือนกวางโจวและเซินเจิ้น ฟื้นฟูการใช้ชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจปกติโดยเร็ว

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 สื่อนิวส์วีคของสหรัฐฯได้มีบทความชื่นชมนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิดของจีนว่าจีนใช้นโยบายเคลียร์โควิดเป็นศูยน์เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจและประชากรที่มากมายมหาศาล และพื้นที่กว้างใหญ่ ถ้าการแพร่ระบาดเชื้อโควิดขยายลุกลามออกไป จะก่อผลกระทบอย่างวินาศภัยขึ้นมา โดยบทความนี้อ้างอิงจากผลวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบของนักคณิตศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสหลายท่านระดับสากล ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา Arnaud Fontanet ซึ่งมาจาก Institut Pasteur เมื่อสัมภาษณ์สื่อมวลชนฝรั่งเศสก็ยอมรับว่าเตียงผู้ป่วยหนักของจีนเฉลี่ยแล้วน้อยกว่าฝรั่งเศสเป็นสองเท่า ถ้าเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิดลุกลาม ระบบทางการแพทย์จะอิ่มตัวอย่างรวดเร็ว ต้องพยายามห้ามการไหลเคลื่อนที่ของประชาชน จำกัดความเสี่ยงแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ประชากรฝรั่งเศสน้อยกว่าจีนเป็น 20 เท่า ถ้าอัตราผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยตายของจีนเท่ากับฝรั่งเศส จะกลายเป็นวินาศภัยที่เกินความคาดคิด

นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามว่า ทำไมนโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหวของจีน ดูเหมือนถูกประเทศตะวันตกโจมตี หรืออาจะเพราะมีการเปลี่ยนแปรสำคัญอะไรเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ โดยการเปลี่ยนแปรอย่างชัดเจนก็คือเชื้อไวรัสโควิดมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมา โอมิครอนเป็นเชื้อไวรัสโควิดป้องกันยากขึ้น การล็อกดาวน์หรือควบคุมเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานส่งผลกระทบหนักขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลกต้องการเปิดพรมแดนเพื่อฟื้นฟูการค้าและเศรษฐกิจ สาเหตุอีกอย่างหนึ่งก็คือโอมิครอนทำให้ผู้ติดเชื้อตายน้อยลง ผู้เยาว์แม้ว่าติดเชื้อแล้วก็ไม่ค่อยกลายเป็นผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยตายส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะว่าประเทศจีนเป็นตลาดใหญ่ในโลก การปล่อยล็อกของจีนสำคัญมากสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก เลยทำให้สถานการณ์โควิดของเมืองเซี่ยงไฮ้กลายเป็นชนวนในการตำหนินโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหวของอย่างรุนแรง

คำถามที่ว่าเชื้อไวรัสโควิดแค่เป็นไข้หวัดใหญ่จริงหรือไม่ ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่จริง ทำไมตั้งแต่ผู้ติดเชื้อโควิดเริ่มระเบิดถึงปัจจุบันนี้ สหรัฐฯและยูโรปถึงทุ่มเทเงินมหาศาล เพื่อศึกษาวิจัยวัคซีนและยารักษาพิเศษ ทำไมประธานนาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ต้องแบ่งงบประมาณให้สถาบันการแพทย์วิจัยและให้ความสำคัญ ผลสืบเนื่องมาจากการติดเชื้อโควิด ทำไมอยู่ดีๆ ทั่วโลกได้มีการเกิดกรณีโรคตับอักเสบในกลุ่มเด็กเป็นจำนวนมาก เรายกโรคตับอักเสบในกลุ่มเด็กเป็นตัวอย่าง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 วารสารการแพทย์ MedRxiv มีรายงานผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าเด็กหลังจากการติดเชื้อโควิด ความเสี่ยงตับทำงานผิดปกติจะสูงมาก นักวิจัยได้พบผลการศึกษาในวารสาร The Lancet Gastroenterology &Hepatology กล่าวว่าพวกเด็กอายุยังน้อย ไม่ได้ฉีดวัดซีน อาจติดเชื้อไวรัสโควิดแล้วมีอาการไม่หนักหรือไม่ปรากฏอาการ นักวิจัยอนุมานว่าเชื้อไวรัสโควิดที่อยู่ในกระเพาะและลำไส้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองกับอะดีโนไวรัสมากเกินไป เกิดโปรตีนจากการอักเสบเป็นจำนวนมาก ทำให้ตักถูกทำลายเสียหาย

นอกจากนี้ ยังมีข่าวร้ายจากฟอบส์ว่ามีนักวิจัยตีพิมพ์ผลการวิจัยใหม่ในJ AMA Network Open ว่าหลังจากฉีดวัดซีน mRNA เข็มที่สอง เข็มที่สามของ Pfizer ไม่กี่อาทิตย์ภูมิคุ้มกันก็ลดลงมาก ผลการป้องกันโอมิครอนของของวัดซีน mRNA น่าจะไม่ค่อยดี ยังมีอีกบทความหนึ่งกล่าวอย่างหมดหวังว่าแม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ในแง่ของค่าใช้จ่ายก็ไม่สามารถรองรับให้ฉีดวัดซีนเสริมทุก 3-6 เดือนต่อเข็มได้ เชื้อไวรัสกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว การวิจัย ทดสอบ ตรวจสอบ ผลิตและกระจายวัดซีน mRNA ต้องใช้เวลามากเกินไป

ถ้าจะกล่าวว่าความเสี่ยงที่ไม่น่าคาดคิดเป็นสาเหตุให้รัฐบาลจีนไม่ยอมทอดทิ้งนโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหว แสดงว่าเราไม่เข้าใจวัฒนธรรมจีน ในความคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เชื้อไวรัสเกิดจากธรรมชาติ รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย สหรัฐฯ เป็นประเทศทุนนิยมที่เห็นด้วยกับปัจเจกนิยมและเสรีนิยม สหรัฐฯ เห็นว่าเขาไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ การควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิดไม่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แต่ประเทศจีนซึ่งได้รับถ่ายทอดมาจากลัทธิขงจื้อมาหลายพันปีจะไม่เหมือนกัน วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีเห็นว่า “ประชาชนมีค่า” “น้ำรองรับเรือได้ ก็ล่มเรือได้” รัฐบาลจีนดูแลทุกครอบครัวเหมือนหัวหน้าครอบครัว ให้ความสำคัญต่อสุขภาพและชีวิตประชาชน ขณะเดียวกัน เราจะเห็นหนังสือด้านวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีและชีวิตประจำวันพูดถึงเรื่องกตัญญูอันเป็นศีลธรรมที่ลูกหลานต้องมีและต้องปฏิบัติตาม เป็นสาระสำคัญทางเชื้อสายของสังคมจีน ทำให้สังคมมั่นคงและสืบทอดวัฒนธรรม ดังนั้นถ้าจีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหวก่อนมีการเตรียมพร้อมตามข้อเสนอของประเทศตะวันตก ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยตายที่เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลน่าจะเป็นผู้สูงอายุในครอบครัว ถ้าเป็นเช่นนั้นพรรคคอมมิวนิสต์คงถูกประชาชนตำหนิอย่างหนัก และถึงเวลานี้ กลุ่มผู้ที่ตำหนินโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีนกลุ่มเดียวกัน กลับหันมาตำหนิรัฐบาลจีนว่าไม่มีความรับผิดชอบและทำให้ประชาชนเสียชีวิต

สรุปคือ นโยบายของประเทศใดประเทศหนึ่งดีหรือไม่ดี การตัดสินหรือให้ความเห็นต้องศึกษาข้อมูลก่อน “นโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบเคลื่อนไหว” ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสถานภาพและวัฒนธรรมของจีน เหมือนนโยบายที่สอดคล้องกับสถานภาพประเทศไทยก็ยังไม่แน่ว่าจะได้รับการยอมรับจากสหรัฐฯ สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลของประเทศนั้นจะต้องคำนึงถึงการพัฒนาของประเทศ ความสุขและสวัสดิภาพประชาชนด้วยความจริงใจ ตระหนักว่านโยบายจะต้องสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมากที่สุด